วันอังคารที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

บทที่2


บทที่ 2
 เอกสารที่เกี่ยวข้อง
                การศึกษาการดับกลิ่นด้วยมะกรูดและถ่าน มีวัตถุประสงค์เพื่อ ศึกษาและสร้างถุงดับกลิ่น และ ทดลองใช้ถุงดับกลิ่นในการดับกลิ่นผู้ศึกษาได้ทำการค้นคว้าข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ดังมีหัวข้อต่อไปนี้
1.             มะกรูด
2.             มะกรูดดับกลิ่น
3.             ประโยชน์ของถ่านไม้
4.             สมุนไพรดับกลิ่นโดยทั่วไป
5.             วิธีการดับกลิ่นเท้าเหม็น
1. มะกรูด
             มะกรูด (อังกฤษ: Kaffir lime) เป็นพืชในสกุลส้ม (Citrus) มีถิ่นกำเนิดในประเทศลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ใบมะกรูดและผิวมะกรูดเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องปรุงอาหารหลายชนิด นอกจากในประเทศไทยและลาวแล้ว ยังมีความนิยม กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย(โดยเฉพาะบาหลี)
                 ลักษณะทางพฤกษศาสตร์เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก เป็นไม้เนื้อแข็ง ลำต้นและกิ่งมีหนามยาว          เล็กน้อย ใบเป็นใบประกอบชนิดลดรูป มีใบย่อย 1 ใบ เรียงสลับ รูปไข่ คือมีลักษณะคล้ายกับใบไม้ 2 ใบ ต่อกันอยู่ คอดกิ่วที่กลางใบเป็นตอนๆ มีก้านแผ่ออกใหญ่เท่ากับแผ่นใบ ทำให้เห็นใบเป็น 2 ตอน กว้าง 2.5-4 เซนติเมตร ยาว 4-7 เซนติเมตร ใบสีเขียวแก่พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยง เป็นมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมมากเพราะมีต่อมน้ำมันอยู่ ซึ่งผลแบบนี้เรียกว่า hesperitium (ผลแบบส้ม) ใบด้านบนสีเข้ม ใต้ใบสีอ่อน ดอกออกเป็นกระจุก 3 5 ดอก กลีบดอกสีขาว เกสรสีเหลือง ร่วงง่าย มีกลิ่นหอม มีผลสีเขียวเข้มคล้ายมะนาวผิวเปลือกนอกขรุขระ ขั้วหัวท้ายของผลเป็นจุก ผลอ่อนมีเป็นสีเขียวแก่ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด พันธุ์ที่มีผลเล็ก ผิวจะขรุขระน้อยกว่าและไม่มีจุกที่ขั้ว ภายในมีเมล็ดจำนวนมากๆ
การใช้มะกรูดสระผมน่าจะรู้จักกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ วิธีการสระ บ้างก็ใช้ผลดิบผ่าแล้วบีบน้ำสระโดยตรง บ้างก็นำไปเผา หรือต้มก่อนสระ มะกรูดยังมีใช้ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีโสกันต์ ซึ่งระบุไว้ในพระราชพิธีสิบสองเดือนไว้ ว่าจะต้องมีผลมะกรูดและใบส้มป่อยประกอบในพิธีด้วย เข้าใจว่าน่าจะใช้เพื่อการสระผมนั่นเอง และก็สามารถนำไปล้างพื้นได้ด้วย ซึ่งเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งเช่นกัน
น้ำมะกรูดมีรสเปรี้ยว กลิ่นฉุนคล้ายใบ แต่ใช้น้อยกว่าน้ำมะนาว มะกรูดมีส่วนเปลือกที่หนา ส่วนเปลือกนิยมนำผิวมาประกอบอาหารบางชนิดด้วย มีอาหารบางชนิดที่นิยมใช้น้ำมะกรูดเช่นกัน ในมะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก มีกลิ่นฉุน ทั้งในใบ และผล บางครั้งสามารถนำไปใช้ไล่แมลงบางชนิดได้
2. มะกรูดดับกลิ่น    
           เป็นภูมิปัญญาไทย ที่สืบเนื่องกันมานาน โดยใช้มะกรูดในการดับกลิ่นคาวต่าง ๆ และกลิ่นที่ไม่พึ่งประสงค์จึงเกิดความคิดในแง่มุมต่าง ๆ ในการนำมะกรูดมาดัดแปลง ในรูปแบบต่าง ๆ และทดลองใช้ และมีผู้สนใจ จึงผลิตจำหน่าย และได้เข้าคัดสรรเป็นผลิตภัณฑ์ไทยในปี ประจำปี 2546 ได้รับการคัดสรรระดับ 3 ดาวมะกรูดปลอดสารพิษ มีกลิ่นหอม ปลูกตามธรรมชาติไม่มีสารตกค้าง ทำให้ได้กลิ่นที่น่าพอใจสูง และได้คุณภาพที่ดีมากต่อสุขภาพ และของใช้เป็นผลผลิตจากภูมิปัญญาท้องถิ่นดั้งเดิมที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้พัฒนาการปรับปรุงสูตรยาให้กับผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง

3. ประโยชน์ของถ่านไม้

1.ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการหุงต้ม ทอด ย่าง ได้อย่างปลอดภัย ไร้สารก่อมะเร็ง
2.ใช้เป็นวัสดุปลูกพืช เช่น กล้วยไม้ หรือผมสดินปลูกพืชต่างๆ ได้ช่วยให้ดินรักษาความชื้นได้นาน
3.ใช้เศษถ่านเป็นสารปรับปรุงดิน ถ่านไมมีรูพรุนมากมาย เมื่อใส่ลงไปในดินช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำและอากาศได้ดีขึ้นส่งผลให้รากพืชขยายตัวอย่างรวดเร็วทั้งยังดูดซับปุ๋ยในโตรเจนไม่ให้ระเหยสู่อากาศในรุปของแก๊สแอมโมเนีย ช่วยลดการใช้ปุ๋ย เพราะสมบัติต่างๆของแต่ละธาตุทีททีอยู่หลายชนิดในถ่าน จะเป็นประโยชน์ให้แก่พืชที่ปลูก
4.ใช้ผงถ่านผสมในอาหารสัตว์ประมาณ1%ถ่านจะช่วยดูดซับก๊าซในกระเพราและลำไส้ช่วยลดอาการท้องอืด
5.ใช้บำบัดน้ำเสียโดยนำถ่านใส่กระสอบนำไปไว้ก้นบ่อ ใช้ได้ทั้งบ่อกุ้งและบ่อปลา
6.ใช้สำหรับดูดกลิ่น ใช้ได้ในทั้งตู้เย็น ห้องแอร์ รถยนต์ เป็นต้น
ช่วงนี้เข้าสู่ฤดูฝนกันแบบเต็มตัวแล้ว ฝนตกเรียกกันได้ว่าเทเช้าเทเย็นกันเลยทีเดียว ถนนหนทางก็ชื้นแฉะและที่สำคัญคุณเองก็อาจจะเปียกปอนกับฝนที่สำคัญอวัยวะสำคัญที่สัมผัสกับความชื้นแฉะตลอดเวลาก็คือเท่านั้นเอง เท้าอาจจะเกิดการอับชื้นขึ้นได้หรืออาจจะมีเชื้อแบคทีเรียเกาะติดคุณโดยที่ไม่รู้ตัวก็เป็นได้ เอาเป็นว่าหนุ่มๆ สาวๆ ที่รักสุขภาพเท้าไม่ควรจะรีรอควรจะหาสมุนไพร 3 อย่างต่อไปนี้ติดบ้านไว้เรียกใช้ยามจำเป็นกันบ้าง สมุนไพรตัวเก่ง 3 ชนิดมีดังนี้
·       สะระแหน่
ส่วนผสม สำหรับทำสมุนไพรขัดเท้าขจัดแบคทีเรียมีดังนี้
ใบสะระแหน่ 1 หยิบมือ สับปะรด 1 ซีก น้ำมะนาวสดครึ่งลูก เกลือครึ่งช้อนชา
วิธีทำ นำทุกอย่างใส่เครื่องปั่นแล้วกดปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน
วิธีใช้ ล้างเท้าให้สะอาดแล้วนำส่วนผสมที่ปั่นเสร็จแล้วมาขัดๆ ถูๆ ที่เท้าและเน้นตามซอกเล็บ ซอกนิ้ว เท่านี้เจ้าแบคทีเรียตัวร้ายก็จะหลุดออกแล้ว
·       ขิง
ส่วนผสม สำหรับสมุนไพรขจัดความอับชื้นและช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ขิง ข่า น้ำมะกรูดหรือถ้าหาไม่ได้ใช้น้ำมะนาวแทนก็ได้
วิธีทำ ทุบขิงกับข่าให้แตก แล้วหั่นเป็นแว่นใหญ่ๆ ใส่ในหม้อ เติมน้ำลงไป 2 ถ้วยตวง จากนั้นใส่น้ำมะนาวลงไป ต้มให้เดือดนานประมาณ 10 นาที ทิ้งไว้ให้อุ่นๆ
วิธีใช้ ตักน้ำที่อุ่นแล้วมาแช่เท้าสักประมาณ 10-15 นาที เท่านี้เท้าของเราก็จะปราศจากกลิ่นอันไม่พีงประสงค์และยังได้ผ่อนคลายกล้ามเนื้อขาและเท้าอีกด้วย
·       ตะไคร้
ส่วนผสม สำหรับตะไคร้ดับกลิ่น
ตะไคร้ ผิวมะกรูด สารสมส้ม
วิธีทำ นำตะไคร้ ใบมะกรูด และสารส้ม มาทุบๆ รวมกันแล้วนำมาใส่รวมกันในถุงผ้าขาวบาง
วิธีใช้ นำถุงผ้าขาวบางที่บรรจุส่วนผสมทั้งหมดใส่ไว้ในรองเท้า แค่นี้กลิ่นอันน่ามึนก็จะมลายหายไปสิ้น
เป็นอย่างไรบ้างคะสมุนไพรไทยที่ควรมีติดบ้านไว้ยับยั้งกลิ่นอันไม่พึงประสงค์และเจ้าแบคทีเรียตัวร้ายที่จะแวะมาวนเวียนกับเราๆ ในช่วงหน้าฝนนี้ หาได้ไม่ยากเลยมีติดบ้านไว้อุ่นใจหายมึนจากกลิ่นอันไม่พึงประสงค์แน่นอนค่ะ
5.วิธีการดับกลิ่นเท้าเหม็น
วิธีง่ายๆดับกลิ่นเท้าเหม็น
กลิ่นเท้า ปัญหาอันดับแรกที่คุณผู้ชายมักเป็นกังวลใจ โดยเฉพาะคุณผู้ชายที่ใส่รองเท้าผ้าใบ ซึ่งกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นั้นเกิดมาจากเหงื่อที่เท้าผสมกับแบคทีเรีย  ซึ่งเท้ามีต่อมเหงื่ออยู่มาก จึงไม่แปลกอะไรที่เท้าจะทีกลิ่น แต่กลิ่นนี้แหละที่เป็นปัญหา เพราะทำให้คุณผู้ชายหลายคนขาดความมั่นใจ ไม่กล้าแม้แต่จะถอดรองเท้าในที่สาธารณะ เพราะกลัวกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์จะเล็ดลอดออกมาไปเตะจมูกคนอื่นๆ เราจึงขอแนะนำวิธีการในการดูแล รักษากลิ่นเท้าให้หมดไป เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับคุณหนุ่มๆ อีกครั้ง
วิธีง่ายๆ ดับกลิ่นเท้า เหม็น
1. ทุกครั้งหลังอาบน้ำให้โรยแป้งฝุ่นให้ทั่ว เพื่อให้เท้าแห้งไม่อับชื้น อีกวิธีหนึ่งก็คือนำถุงน้ำชาที่ชงแล้วสัก 4 - 5 ถุงมาแช่ใส่อ่างน้ำอุ่น แล้วแช่เท้าลงไปในน้ำอุ่นประมาณ 5 นาที ทำเช่นนี้อาทิตย์ละ 2 ครั้งเท้าจะไม่มีกลิ่นเพราะถุงชาจะช่วยเปลี่ยนความเป็นกรดด่างและยังช่วยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุของความอับชื้นและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นั่นเอง
2. ปล่อยเท้าให้เปลือยเปล่าบ้าง เพราะการปล่อยเท้าให้เปลือยเปล่าบ้างนั้น คือ วิธีที่ง่ายดายที่สุดที่จะทำให้ผิวเท้านวลเนียน อีกทั้งอากาศยังถ่ายเทได้สะดวกไม่อับชื้น
3. เพราะการสวมถุงเท้า- รองเท้าทุกๆ วัน วันละหลายชั่วโมงนั้นค่อนข้างทำร้ายเท้าให้อับและต้องทนหมักเซลล์ผิวที่ตายแล้วเอาไว้ถึง 200 มิลลิกรัมในแต่ละวัน และนี่เองที่ทำให้เท้าของคุณหยาบไม่นุ่มสดใสเหมือนแขนหรือลำตัว ดังนั้นควรเปลือยเท้าสบายๆ และชโลมโลชั่นบำรุงผิวให้เท้าของคุณชุ่มชื้น เรียบเนียนด้วย
4. ดูแลเท้าหยาบ- แตก ถนอมเท้าให้นุ่มนวลน่าสัมผัสและผ่อนคลายความเมื่อยขบจากการใช้งานหนักด้วยการแช่เท้าในน้ำอุ่น ๆ ผสมน้ำมันยูคาลิปตัสและเกลือทะเลแช่นานสัก 10 นาที จากนั้นเช็ดซับให้แห้ง ใช้วาสลีนธรรมดา ๆ (ปิโตรเลียมเจลลี่) ชโลมลูบให้ทั่ว ๆ ทั้งส้นเท้าและหลังเท้าและหาถุงเท้าบาง ๆ มาสวมไว้สัก 30 นาทีจึงค่อยถอดถุงเท้าออก วาสลีนที่ซึมสู่ผิวจะช่วยถนอมดูแลให้เท้าของคุณมีความนุ่มนวลไม่แตกไม่หยาบกร้านและยังเรียบเนียนดีอีกด้วย
5.เอารองเท้าไปตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรค ถุงเท้าควรเป็นผ้าฝ้ายจะได้ถ่ายเทอากาศได้ดี และเมื่อสวมใส่ควรเช็ดเท้าให้แห้งก่อนหรือฉีดสเปรย์ระงับกลิ่น

2 ความคิดเห็น:

  1. อีกหนึ่งวิธีที่ดิฉันใช้ได้ผลแล้วอยากบอกต่อค่ะคือใช้แป้งfic อ่ะค่ะใช้ได้ดีจิงๆๆกลิ่นเท้าไม่มีแล้วค่ะ

    ตอบลบ
  2. ดิฉันก็ใช้อยู่เหมือนกันค่ะแป้ง ิFIC พึ่งซื้อมาใช้ค่ะ ใช้แล้วรู้สึกดีมากเลยมั่นใจมากค่ะ

    ตอบลบ